วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เพาะปลากัดโดยการจำลองธรรมชาติ ตอนที่2

ต่อจากเพาะปลากัดโดยการจำลองธรรมชาตินะครับ

คราวนี้เรามาดูการเตรียมตัวอนุบาลลูกปลากัดของป๊อปว่าทำอย่างไร?
เริ่มจากการเตรียมกะละมังใบใหญ่ แล้วทำดังนี้
1 ใส่น้ำที่ไม่มีครอรีนลงไปครึ่งกะละมัง
2 ใส่ใบหูกวาง 1-2 ใบใหญ่ ถ้าไม่มีใช้น้ำหมักสมุนไพรที่ร้านขายปลามีขายแทนก็ได้ครับ
3 ใส่สาหร่ายหางกระรอกเยอะๆ
4 ใส่ผักบุ่งขยี่ 1 ต้น (ไว้เป็นอาหารของพารามิเซี่ยม)
5 ใส่นมสด 1 ช้อนชา (ไว้เป็นอาหารของพารามิเซี่ยม)

คนให้น้ำเป็นสีขาวขุ่นของนมสด ทิ้งไว้ 1 คืน (ให้พารามิเซี่ยมเกิดก่อน)
จากนั้นเอาอ่างของลูกปลากัดที่ได้ (วันที่10) มาลอยลงไปในกะละมังใบใหญ่ที่เตรียมไว้แล้วเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำให้เท่ากันก่อน ประมาณ 1 ชม. ให้เทลูกปลากัดลงในกะละมังใหญ่โดยไม่ต้องยกกะละมังเล็กนะครับ ให้น้ำในกะละมังใหญ่เข้าไปในกะละมังเล็กก่อนพักไว้ประมาณ 5 นาที แล้วเทลูกปลาทั้วหมดลงไปในกะละมังใหญ่ได้ การเทแบบนี้ ลูกปลาจะได้ปรับตัวเข้ากับน้ำใหม่ครึงนึงก่อน แล้วพอใส่ลงไปในกะละมังใหญ่ลูกปลาจะไม่ช็อกน้ำและไม่กระทบกระเทือนจากการเทน้ำแรงๆด้วยครับ

เข้าเรื่องหัวข้อบทความนี้ว่าการเพาะปลากัดโดยการจำลองธรรมชาติเพราะอะไร การที่ผมเตรียมกะละมังใหญ่ไว้อนุบาลลูกปลากัด เพื่อให้กะละมังมีสมดุลของระบบห่วงโซ่อาหารของลูกปลากัด เพื่อใช้ดำรงชีวิตอยู่ได้จนโตโดยไม่ตายเพราะน้ำเน่าเสียก่อน การใส่พารามิเซี่ยม ทำให้ลูกปลามีอาหารช่วงอนุบาลที่เป็นอาหารจากธรรมชาติเหมือนอยู่แม่น้ำลำคลอง จากนั้นจะมีการหมักหมมของผักบุ้งขยี่ที่เน่าเปลื่อยตามธรรมชาติและนมสดเป็นอาหารหลักของพารามิเซี่ยม ส่วนใบหูกวางจะเป็นยารักษาโรคในน้ำ และสุดท้าย สาหร่ายหางกระรอก จะทำหน้าที่ให้อ๊อกซิเจนในน้ำและดูดสารพิษในน้ำ ไม่ให้น้ำเน่านั่นเอง

วิธีทำพารามิเซี่ยมอย่างง่าย

ภาพจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

มารู้จักพารามีเซียมกันก่อนครับ?
      พารามีเซียม (Paramecium) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำพวกโปรโตซัว ซึ่งมักเกิดในบริเวณที่มีการเน่าของอินทรีย์วัตถุ ไม่ว่าจะเป็นทรากพืช เช่น ใบไม้ หญ้า ทรากสัตว์ หรือเศษอาหาร ปกติจะใช้เป็นตัวแทนของสัตว์เซลเดียวกลุ่มที่มีขน (cilia) ในเรื่องโครงสร้างของเซลล์ การกินอาหาร การแบ่งเซลล์ และการแพร่พันธุ์แบบใช้เพศ ปัจจุบันพบว่าลูกปลาวัยอ่อนสามารถกินพารามีเซียมเป็นอาหารได้ และสามารถดำเนินการเพาะเลี้ยงให้เพิ่มจำนวนมากมายได้อย่างง่ายๆ ทำให้พารามีเซียมกลาย เป็นอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการอนุบาลลูกปลาวัยอ่อน โดยเฉพาะในธุรกิจการเลี้ยงปลาสวยงาม   เพราะทำให้ลูกปลาวัยอ่อนที่มีขนาดเล็กเจริญเติบโตรวดเร็ว  และมีอัตราการรอดสูง   มีความสำคัญสำหรับผู้เพาะเลี้ยงปลากัด   ปลาปอมปาดัวร์   ปลาเทวดา   ปลาม้าลาย และปลาซิวชนิดต่างๆ   อย่างมาก   ที่สำคัญคือผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามทั่วไปสามารถเตรียมเชื้อพารามีเซียม และดำเนินการเพาะเลี้ยงได้อย่างง่ายๆ

แล้วป๊อปเพาะพารามีเซียมยังไง?
การเพาะพารามีเซียม ไม่ยากเลยครับป๊อปทำดังนี้
1 เตรียมน้ำที่ไม่มีครอรีนใส่ถัง
2 ใส่หญ้าแห้ง+หญ้าสด หรือ ใส่ฟางข้าว หรือผักบุ่งจีนขยี้ให้เละ
3 ใส่นมสด (ป๊อปใช้เมจิขวดน้ำเงิน) ใส่นิดเดียวนะ แค่ 1 ช้อนชา

จากนั้น คนให้เข้ากันแล้วเอาฝาปิดไว้กันยุงไข่ ผ่านไป 1 คืน ตอนเช้าลองเอาแก้วใส่หรือขวดโซดามาตักแล้ววางให้น้ำในขวดนิ่ง จากนั้นเอาไฟฉายส่องดูจะเห็นฝุ่นขาวๆที่ไม่ได้ตกตะกอนลอยอยู่ ให้สังเกตดีๆจะเห็นการเครื่องที่ของมันเป็นวงกลมหมุนไปมา ขนาดมันจะเล็กมากๆนะครับ แต่ตัวใหญ่สุดสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เท่านี้เราก็สามารถเอามาเป็นอาหารปลากัดได้แล้วครับ

ผ่านไปสองวัน ถ้าน้ำมีกลิ่นเหม็นเน่า ให้เอาน้ำออกครึ่งนึงแล้วใส่น้ำใหม่ และนมสด 1 ช้อนชา คนๆ ปิดฝากันยุงไข่ แล้วทิ้งไว้ 1คืน ก็จะได้พารามีเซียม ง่ายมั๊ยล่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เพาะปลากัดโดยการจำลองธรรมชาติ

สวัสดีครับเพื่อนๆที่รักปลากัดทุกท่าน 
วันนี้ป๊อปมีวิธีเพาะปลากัดในแบบของป๊อปเองครับ ใครเพาะได้แล้วข้ามไปได้เลยครับ ทำไมต้องแบบของป๊อปล่ะ? ก็เพราะว่าป๊อปต้องล้มบ่อมาหลายครับเพราะการศึกษาวิธีเพาะหลายรูปแบบหลายคนเล่า จนทำให้เริ่มงงแล้วลองผิดลองถูกตามหลักสูตรที่ได้พบเห็นมานับสิบๆสูตร จนทำให้วันนี้ป๊อปสามารถเพาะพันธุ์ปลากัดได้เองแล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่า ป๊อปต้องมีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเพาะแบบคนอื่นได้ (หรือทำได้แต่ป๊อปอาจจะทำไม่สำเร็จมั้ง)
ข้อจำกัดที่ว่าก็คือ
1 ป๊อปต้องอยู่อาคารเช่า มีพื้นที่จำกัดน้อยมาก
2 ป๊อปไม่มีไรแดงหรือไรจืด ทำไงล่ะ
3 ป๊อปไม่มีอ๊อกซิเจนไว้เป่าเบาๆ

สิ่งที่ต้องเตรียม?
ข้อจำกัดเอาเท่านี้ก่อนเดี๋ยวยาว ต่อไปเริ่มวิธีการเพาะเลยแล้วกัน
ก่อนอื่นเตรียมภาชนะที่จะเพาะ ให้มีความสูงอย่างน้อย 10 ซม.ก็ยังดี เช่น ขันใหญ่หน่อย กะละมังเล็กสัก 1 ฟุต หรือกระถางต้นไม้อุดรูที่ก้นก็ได้ ...

ในที่นี้ป๊อปใช้กะละมังขนาดกว้าง 1 ฟุตนะครับ เพราะมันเพียงพอที่จะทำให้ปลารู้สึกไม่แคบเกินไป ไม่กว้างเกินไป เมื่อเทียบกับขนาดตัวมัน แล้วยังสามารถไล่ตัวเมียได้ดีพอสมควร

ใส่น้ำครึ่งกะละมัง ประมาณ 5-7 ซม. น้ำต้องไม่มีคลอรีนนะ

ใส่ใบหูกวาง แต่ป๊อปไม่มีใบหูกวางเลยต้องใช้น้ำหมักจากสมุนไพรที่ซื้อตามร้านขายปลาแทนให้สีเป็นสีชาอ่อนๆ

ใส่ผักบุ้ง 1 ต้นให้เด็ดใบใหญ่ออกให้เหลือประมาณ3-4ใบก็พอ ปลาจะสร้างหวอดตรงนี้

ใส่พ่อปลากัดลงไป แล้วเอาแม่ปลากัดใส่ขวดโซดาวางตรงกลาง เอาพลาสติก(ป๊อปใช้ฟิวเจอร์บอร์ด) เจาะรูตรงกลางวางปิดกะละมังไว้ แล้วรอให้ถึงตอนเย็น ป๊อปรอถึง 5 โมงเย็น ถ้ามัน 5 โมงเย็นพอดี ให้ใส่แม่ปลากัดลงไปได้เลยครับ แล้วปิดฝาหากระดาษหรือหนังสือหรืออะไรก็ได้มาปิดรูที่ฝาไว้ ทิ้งไว้ 1 คืน ..

ลองดูได้ไข่หรือยัง?
เที่ยงวันต่อมา ลองเปืดดูว่าได้ไข่ หรือยัง ?
+ ถ้าได้ไข่แล้วและแม่ปลากัดถูกพ่อปลากัดไล่ไปฝังตรงข้างของหวอด หรือไปซุกอยู่ที่มุมให้ตักแม่ปลากัดออกได้ทันที
+ ถ้าได้ไข่แล้วแต่แม่ปลากัดอยู่ใต้หวอดแสดงว่ายังไม่เสร็จ อีก 2 ชั่วโมงให้กลับมาเปิดดูใหม่
+ หรือถ้าใครไม่มีเวลามากให้เปิดดูทีเดียวเลยตอนเย็นประมาณ 5โมงเย็น ว่าได้ไข่มั๊ย ถ้ายังไม่ได้อีกให้จับแม่ปลากัดใส่ขวดพักไว้ 1 วันค่อยเริ่มผสมใหม่ในเย็นวันพรุ่งนี้ เนื่องจากตัวเมียอาจจะไข่ยังไม่สุกดีหรือยังไม่พร้อมจะผสมพันธุ์ เนื่องจากการพักปลาตัวเมียไว้ในขวดโซดาแล้ววางไว้ตรงกลาง จะทำให้ปลาตัวเมียได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่ถูกตัวผู้กวน หรือไล่กัดอีก ซึ่งอาจจะทำให้ปลาตัวเมียอาจจะเหนื่อยหรือบาดเจ็บจนตายได้

เอาแม่ปลากัดออกก่อนนะหิวแล้ว?
เมื่อได้ไข่ปลากัดแล้วให้นำตัวปลากัดตัวเมียออกโดยดูจากการที่ปลากัดตัวผู้แผ่ใส่แบบตรงๆ เหมือนคนจะเอาเรื่องกัน แล้ววิ่งกลับเข้าหวอด เป็นระยะ เมื่อปลากัดตัวเมียอยู่ห่างจากหวอด หรือตรงข้ามหวอดชิดกับกะละมัง ให้ใช้มือกางนิ้วเล็กน้อยค่อยๆจับเบาๆ(ถ้ามีกระชอนปลากัดก็ใช้มันซะนะ) ตัวเมียจะไม่วิ่งหนีเร็ว พยายามอย่าให้น้ำกระเพื่อมมากนัก เมือจับตัวเมียออกแล้วให้ปิดฝาให้มิด แต่ให้มีช่องลมผ่านเล็กๆก็พอ

ส่วนแม่ปลากัดเมื่อเอาออกมาแล้วสามารถให้อาหารได้ทันที แล้วพักเลี้ยงตามปกติอีก 1 เดือนค่อยเอามาเพาะใหม่ได้ หมดหน้าที่แม่ปลากัด

พ่อปลากัดแสนดีทำหน้าที่ต่อ?
555 ถึงตอนนี้แหละปัญหาใหญ่มากเลยสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างป๊อป ที่ต้องล้มบ่อเป็น 10 บ่อเพราะขั้นตอนนี้ หลายคนบอกว่า พ่อปลาอดอาหารได้นานเป็นสัปดาห์ หลายคนบอกให้อาหารพ่อปลาได้ หลายคนบอกให้ลูกว่ายน้ำเป็นก่อน หลายคนบอกว่ารอให้ลูกโตเท่าหัวไม้ขีด ... แต่ทุกคนไม่ได้ผิดครับ เพราะมันเป็นเทคนิคของแต่ละคน แล้วป๊อปทำไงล่ะ?

หลังจากล้มมาหลายบ่อเลยได้วิธีที่ตัวเองถนัดดังนี้ครับ (ป๊อปทำแล้วได้ผล แต่ไม่รู้ว่าใครจะใช้วิธีนี้ได้ผลมั๊ยนะ)

อดทน อดทน แล้วก็ อดทน?
ผู้เพาะปลากัดมือใหม่ส่วนมากอยากเห็นไข่ อยากเห็นลูกปลา อยากเห็น... เลยทำให้ต้องเปิดดูบ่อยครั้ง หากใครไม่ได้เพาะในตู้ปลาแบบป๊อปต้องอดทนรอ โดยนับวันแบบนี้
วันที่1 เอาแม่ปลาออก ก่อน 5โมงเย็น
วันที่2 ลูกปลาออกจากไข่ตอนกลางคืนทั้งคืน
วันที่3 ลูกปลาห้อยหัวอยู่ที่หวอด
วันที่4 ลูกปลาเริ่มหัดว่ายน้ำ จะพุ่งจู๊ดขึ้นมาหายใจเวลาหายใจไม่ออก
วันที่5 ลูกปลาว่ายน้ำเป็นบ้างแล้ว
วันที่6 ลูกปลาทุกตัวว่ายน้ำเล่น วันนี้ผมจะเอาพ่อปลากัดออกครับ โอกาสรอดสูง(ทำไงต่อ)
วันที่7 ถ้าพ่อปลากัดอดอาหารมาถึงวันที่7 ส่วนมากลูกปลากัดจะหายไปเรื่อยๆครับ

หลังวันที่6 ทำไงต่อดีล่ะ?
เมื่อเอาพ่อปลากัดออกแล้วให้อาหารพ่อปลากัดได้ตามปกติแล้วพักอย่างน้อย 3 วัน จะสามารถเทียบผสมต่อได้ใหม่ครับ ส่วนลูกปลากัด เราจะปิดฝาไว้ต่ออีก1วัน แล้วทำดังนี้
วันที่7 ให้พารามิเซี่ยมครึ่งขวดโซดา แล้วปิดฝาไว้ (*ดูวิธีทำพารามิเซี่ยมอย่างง่าย)
วันที่8 ให้พารามิเซี่ยมครึ่งขวดโซดา แล้วปิดฝาไว้
วันที่9 ให้พารามิเซี่ยมครึ่งขวดโซดา แล้วปิดฝาไว้
วันที่10 ย้ายลูกปลาไปกะละมังที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่ออนุบาลลูกปลา


*ดูต่อการเตรียมตัวอนุบาลลูกปลากัด

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีการสังเกตุเปรียบเทียบอายุของปลากัดเก่ง

พอดีวันนี้ผ่านไปเจอเรื่องราวดีๆเลยเก็บมาฝากกันครับ

วิธีเปรียบเทียบอายุของปลากัดเก่ง

ลักษณะลูกอ่อนอายุระหว่าง 4 - 6 เดือน              
การสังเกตุแบบง่ายๆมองกันที่เครื่อง  ใบหาง  ใบคลีบกระโดง และ ชายน้ำ  ปลาที่อายุยังไม่              
ถึง 6 เดือนขึ้นไปเครื่องเคราจะยังไม่เต็มสังเกตุที่ขอบจะมีลักษณะแหลมๆออกมามองดูออก              
ตามลักษณะของรูป เกลียวปากเล็ก เนื้อตัวสวย และปราดเปรียว เชิงกัดดีเขี้ยวคม แต่จะมี              
ลูกฮึดลูกทนน้อยไปนิด ที่สำคัญเกลียวปากจะอ่อนกว่าเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งปากจะเห็นชัดเจน
เบียดท้ายน้ำจะมีปัญหา แต่ก็ไม่ทุกคอกไปบางคอกเก่งจัดตั้งแต่อายุขนาดนี้ก็มีให้เห็น              
              
ลักษณะลูกอายุระหว่าง 7 - 12 เดือน              
การสังเกตุแบบง่ายๆมองกันที่เครื่องเช่นกัน พวกนี้เครื่องจะเต็มสวยงาม ผิวหนังจะมันวาวมาก
หน้าคอใหญ่ (แล้วแต่สายพันธุ์ และอาหารการกิน) เกลียวปากหนาสมส่วน การเคลื่อนตัวสง่ามี
ความนิ่งสุขุม เขี้ยวดีและลดช้าเป็นช่วงแห่งการต่อสู้อย่างแท้จริง (ถ้าจังหวะดีเขี้ยวมานะ) ปาก
หัวใจ เชิงกัด มาแบบสมบูรณ์และเป็นช่วงอายุที่หาปลาเก่งตัวเก่งได้เยอะกว่าทุกช่วงอายุแน่นอน
ปลากัดเก่งถ้าเล่นอายุขนาดนี้และเป็นช่วงเก่งจะสู้ได้ดีกว่าช่วงอายุอื่นๆแน่นอน              
              
ลักษณะลูกชนขวบหรือลูกแก่ ระหว่าง  12 - 15 เดือน (มากกว่านี้มักไม่มีเก่ง)              
การสังเกตุแบบง่ายๆมองกันที่หน้าปลาก่อนเลย ใบหน้าหนากว้าง ใต้ค้างยืด ปากใหญ่หนา เนื้อตัว
จะออกแบบ กำมะหยี ไม่เงามาก ช้านิ่งไม่ว่องไว ใบเครื่องหนาและที่สำคัญลำตัวอ้วน สมัยก่อน
นิยมมากกับปลาอายุชนขวบขึ้นไปถ้าเชื้อสายแปดริ้วเลือดร้อยจริงๆต้อง 12 เดือนขึ้นไปเท่านั้นถึง
จะเอาออกกัดกัน (ข้อนี้คุณตาพ่อเจ้าของบ่อบอกมาเลย) แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปอายุขนาดนี้ ช้ามากและ
เขี้ยวไม่ยาว หนังพอได้ จะได้ลูกทนมาแทนแต่ก็เหมือนปลาที่ลงไปกัดและทำตัวเป็นกระสอบทราย    


ที่มา : วิธีการสังเกตุเปรียบเทียบอายุของปลากัดสไตร์แปดริ้ว ( เทคนิคส่วนบุคคล )โดยต๋อม

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สายพันธุ์ปลากัด มีอะไรบ้าง

ปลากัดจีน

เป็นชื่อที่ใช้เรียกปลากัดครีบยาวมาช้านาน เข้าใจว่าอาจมาจากลักษณะครีบที่ยาวรุ่ยร่ายสีฉูดฉาดเหมือนงิ้วจีน ปลากัดจีนเป็นปลาที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากปลาลูกหม้อ โดยผสมคัดพันธุ์ให้ได้ลักษณะที่มีครีบและหางยาวขึ้น ความยาวของครีบหางส่วนใหญ่จะยาวเท่ากับ หรือมากกว่าความยาวของลำตัวและหัวรวมกัน และมีการพัฒนาให้ได้สีใหม่ ๆ และสวยงาม โดยนักเพาะเลี้ยงปลากัดชาวไทย ซึ่งได้พัฒนาสายพันธุ์สำเร็จมาช้านาน ก่อนที่ปลากัดจะถูกนำไปเลี้ยงในต่างประเทศ แต่ไม่มีการบันทึกไว้ว่า การพัฒนาปลากัดสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ปลากัดชนิดนี้เป็นชนิดที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามแพร่หลายไปทั่วโลก และได้มีการนำไปพัฒนาสายพันธุ์ต่อเนื่อง จนได้สายพันธุ์ที่มีลักษณะใหม่ ๆ ออกมาอีกมากมาย

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลากัด คืออะไร?

ปลากัด หรือ ปลากัดภาคกลาง (อังกฤษ: Siamese fighting fish; ชื่อวิทยาศาสตร์: Betta splendens) เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก อยู่ในวงศ์ Macropodinae ซึ่งอยู่ในวงศ์ใหญ่ Osphronemidae มีรูปร่างเพรียวยาวและแบนข้าง หัวมีขนาดเล็ก ครีบก้นยาวจรดครีบหาง หางแบนกลม มีอวัยวะช่วยหายใจบนผิวน้ำได้โดยใช้ปากฮุบอากาศโดยไม่ต้องผ่านเหงือกเหมือน ปลาทั่วไป เกล็ดสากเป็นแบบทีนอยด์ ปกคลุมจนถึงหัว ริมฝีปากหนา ตาโต ครีบอกคู่แรกยาวใช้สำหรับสัมผัส ปลาตัวผู้มีสีน้ำตาลเหลือบแดงและน้ำเงินหรือเขียว ครีบสีแดงและมีแถบสีเหลืองประ ในขณะที่ปลาตัวเมียสีจะซีดอ่อนและมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่ามากจนเห็นได้ชัด
ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 6 เซนติเมตร พบกระจายอยู่ทั่วไปในแหล่งน้ำนิ่งที่มีขนาดตื้นพื้นที่เล็กทั้งในภาคกลางและภาคเหนือในประเทศไทยเท่านั้น สถานะปัจจุบันในธรรมชาติถูกคุกคามจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและสารเคมีที่ตกค้าง
มีพฤติกรรมชอบอยู่ตัวเดียวในอาณาบริเวณแคบ ๆ เพราะดุร้ายก้าวร้าวมากในปลาชนิดเดียวกัน ตัวผู้เมื่อพบกันจะพองตัว พองเหงือก เบ่งสีเข้ากัดกัน ซึ่งในบางครั้งอาจกัดได้จนถึงตาย เมื่อผสมพันธุ์ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายก่อหวอดติดกับวัสดุต่าง ๆ เหนือผิวน้ำ ไข่ใช้เวลาฟัก 2 วัน โดยที่ปลาตัวผู้จะเป็นฝ่ายดูแลไข่และตัวอ่อนเอง โดยไม่ให้ปลาตัวเมียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลักษณะของปลากัดป่าหรือปลากัดลูกทุ่งที่ดีเลิศ

แม้ว่าภูมิประเทศเราอันเป็นที่อยู่อาศัยของปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่าจะเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเก่งกาจของปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่า ดังกล่าวก็ตาม แต่ถ้าได้พิจารณาถึงรายละเอียดของที่อยู่อาศัย และหวอด หรือฟองของปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่าอันเป็นมงคลอีกชั้นหนึ่งก็จะทำให้เราได้ปลาที่ดีเป็นเลิศที่เรียกกัน ตามภาษานักเลงปลากัดว่า "หัวหิ้ง" ก็ได้  วิธีสังเกตลักษณะอื่น ๆ ประกอบตามที่เชื่อกันมามี ดังนี้

     ลักษณะภูมิประเทศ และหวอดที่ดี
1. ที่อยู่ของปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่า ถ้าพบปลากัด "ก่อหวอด" หรือ "บ้วนฟอง" หรือ "กัดฟอง" อยู่ในที่ที่มีทางออกได้หลายทางเชื่อกันว่าปลากัดตัวนั้นเป็นปลาที่ฉลาด คือ มีชั้นเชิงในการกัดดีเป็นเลิศ
2. ลักษณะของหวอด หรือฟอง
- ถ้าหวอด หรือฟองพูน และเป็นก้อนกลม เชื่อกันว่าเป็นปลากัดที่มีน้ำอดน้ำทนมาก หรือที่เรียกกันว่า "ใจมาก"
- ถ้าหวอด หรือฟองเม็ดใหญ่ เชื่อกันว่าเป็นปลาปากกว้าง ปากใหญ่ กัดคู่ต่อสู้ หรือฝ่ายตรงข้ามได้แผลใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า "คำใหญ่"
- ถ้าหวอด หรือฟองพูนเป็นยอดแหลม เชื่อกันว่าปลากัดนั้นดีเลิศในทุกประการ
     ลักษณะภูมิประเทศ และหวอดที่เลว
ปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่าที่อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มีดินปนทรายไม่ใช่ดินเหนียว หรือดินโคลน มักเป็นปลาที่ไม่แข็งแรง หรือเรียกว่า ปลาขี้โรค คือ เกล็ดผุง่าย และกระดูกอ่อน
     นอกจากนั้นปลากัดตัวใดที่ก่อหวอด หรือกัดฟองไม่กลม ไม่นูน ฟองเล็ก หรือกัดฟองที่นั่นนิด ที่นี่หน่อย อย่างที่เรียกกันว่า "ฟองพ่น" เช่นนี้ถือกันว่าเป็นปลากัดชั้นเลวประเภทหนึ่ง

     ลักษณะของปลากัดที่ดีโดยทั่วไป
1. ลำตัวกลม รูปร่างเหมือนปลาช่อน หรือปลาชะโด
2. ลำตัวกลม รูปร่างเหมือนปลากะพง หรือปลาหมอ
3. หน้างอนเชิด ปากกว้าง ปากหนา
4. สันคอหนา
5. กระโดงใหญ่
6. โคนหาง หรือแป้นใหญ่
7. ตาเล็ก ตาดำ นัยน์ตาไม่ถลน หรือโปน เรียกว่า "ตาเรียด"
8. ไม้เท้า หรือ ตะเกียบ สั้น ใหญ่ และแข็งแรง
9. พุงดำ
10. หูน้ำใหญ่
11. เครื่องน้อย (ครีบ และหางไม่ยาวเกินไป)
12. ช่วงหน้าสั้น ช่วงท้ายยาว
13. สีไม่แพรวพราว (เฉพาะปลาลูกทุ่ง ลูกป่า)
14. เครื่องบาง เป็นปลาที่เคลื่อนไหวได้เร็ว กัดเร็ว ว่องไว
15. กระหม่อมสีอะไรก็ได้แต่ให้เหมือนสีตัวเป็นใช้ได้
16. เกล็ดหนา และเรียบแน่น
     ลักษณะที่เป็นมงคล หรือที่เรียกกันในภาษาถิ่นใต้ว่า "หว้า" มีดังนี้
1. หูน้ำแดง
2. เป็นปานดำที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
3. มีรูเล็ก ๆ ที่อวัยวะภายนอกในที่ใดที่หนึ่งแต่ไม่ควรมีเกิน 3 แห่ง เช่น อาจมีไม้เท้า ที่หาง หรือที่กระโดง ฯลฯ ลักษณะเช่นนี้เรียกตามภาษานักเลงปลากัดว่า "ล่องลม"
     ลักษณะที่ไม่ดีของปลากัดโดยทั่วไป
1. ลำตัวบาง ยาว ถือเป็นปลาที่ไม่แข็งแรง
2. ปากเล็ก ปากบาง
3. หัวสั้น หัวงอนลงล่าง
4. เครื่องมาก ที่เรียกว่า "เครื่องแจ้"
5. เครื่องแพร หางแพร ไม้เท้าแพร คือ เป็นสีที่แพรวพราวจนเกินไป แต่ถ้าเป็นปลากัดพันธุ์หม้อ หรือพันธุ์ทางก็ไม่ห้าม
6. แก้มแท่น หมายถึง เกล็ดที่แก้มเป็นแผ่นใหญ่ และมีสีแพรวพราว ส่วนมากมักเป็นสีเขียว
7. กระโดงสีแดง หรือ ที่เรียกว่า "โดงแดง" สำหรับปลากัดลูกทุ่ง ลูกป่า ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี คือ เป็นปลาใจน้อยดังคำห้ามที่ว่า "วัวลั่นดา ปลาโดงแดง อย่าแทงมาก" แต่ถ้าเป็นปลาพันธุ์ลูกหม้อ หรือพันธุ์ทางก็ไม่ห้าม
8. ตาโปน หรือตาถลน
9. แววตาเหมือนตาแมว หรือตางูสิง
10. เครื่องหนา หรือที่เรียกว่า "เครื่องทืบ" เป็นปลาที่เคลื่อนไหวช้า ไม่ว่องไว ปราดเปรียว
11. โคนหาง หรือ แป้นเล็ก มักเป็นปลาที่ไม่ค่อยมีกำลัง
12. สันหลังขาว ที่เรียกว่า "หลังเขียด" เป็นปลาใจน้อย
13. ไม้เท้าสีขาวมาก มักเป็นปลาไม้เท้าอ่อน เป็นปลาที่ไม่แข็งแรง
14. หางดอก คือ หางที่มีจุดประทั่วไปในแพนหาง

ที่มา : http://www.bettanetwork.com/forum/redirect.php?tid=52577&goto=lastpost&sid=lNQTni